ทำไมถึงต้องตรวจเช็คความดันโลหิตบ่อยๆ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าคนส่วนใหญ่สมัยนี้มีอาการของโรคความดันโลหิตสูงแบบไม่รู้ตัว หลายๆคนใช้ชีวิตตามปกติ ทำงาน พอกลับบ้านมาดูAVTH ก็พบว่าระหว่างดูAVTHร่างกายเกิดความผิดปกติขึ้น มันอาจจะเป็นสัญญาณของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง

โรคความดันเลือดสูงคือ
ภาวะของระดับความดันเลือดที่สูงกว่าในเกณฑ์ปกติโดยทั่วไปแล้วผู้ที่มีความดันเลือดปกติจะวัดค่าความดันอยู่ที่ 120 -​ 80 มิลลิเมตรปรอท ในผู้ที่มีความดันเลือดสูงจะวัดค่าความดันได้ 140 -​ 90 มิลลิเมตรปรอท ขึ้นไป เป็นภาวะที่ต้องได้รับการควบคุมตั้งแต่เนิ่นๆ อาจจะมึภาวะแทรกซ้อนพาไปสู่โรคต่างๆ ได้อีกมากมาย เช่น โรคหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดในสมองโรคหัวใจขาดเลือด โรคไต เสื่อม เป็นต้น ผลเสียที่เห็นได้บ่อยคือ อรรถรสในการดูAVTHจะลดลงเนื่องจากเลือดไหลเวียนไม่ดี

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
ความน่ากลัวของโรคความดันเลือดสูงก็คือผู้ป่วยส่วนใหญ่มากกว่า 90 -​ 95 % ไม่สามารถที่จะตรวจหาชัดเจนได้ว่าเกิดขึ้นจากอะไรทำให้โรคความดันเลือดสูง นั้นเป็นโรคเพชฌฆาตเงียบ ในทางแพทย์อธิบายโรคความดันเลือดสูงว่าเป็นโรคที่เกิดจากธรรมชาติของคนเราเช่น มีอายุที่มากขึ้นเกิดจากกรรมพันธุ์โดยส่วนใหญ่แล้วจะพบได้ในผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 40-45 ปีขึ้นไปหรือในวัยหมดประจำเดือน

วิธีการรักษา
โรคความดันเลือดสูงเป็นโรคที่อันตรายแต่ก็เป็นโรคที่สามารถควบคุมได้ในระยะยาวถ้าหากว่าได้รับการรักษาได้ทันท่วงที ในเบื้องต้นนั้นจะรักษาด้วยการให้ยาลดความดันเลือดเพื่อที่จะรักษาระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานปกติ สามารถดูAVTHได้ตามที่เคยเป็น และนอกจากรับประทานยาแล้วผู้ป่วยควรจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้การรักษาได้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นดังนี้
สิ่งที่ควรทำ
-​ ตรวจวัดความดันเลือดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
-​ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เน้นผักและผลไม้ที่ไม่หวาน
-​ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
-​ ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ ช่วยตัวเองด้วยAVTHเพื่อผ่อนคลาย
-​ พักผ่อนให้เพียงพอ
-​ รักษาสุขภาพจิตให้ดีอยู่เสมอและไม่เครียดเกินไป

สิ่งที่ไม่ควรทำ
-​ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะมีโอกาสจะทำให้เป็นโรคความดันเลือดสูงถึงร้อยละ 50
-​ บุหรี่ เพราะในสารพิษจากควันบุหรี่นั้นจะส่งผลให้เกิดการอักเสบอุดตันของหลอดเลือดในส่วนต่างๆ ของร่างกายรวมทั้งหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือด อาจส่งผลให้สมรรถภาพทางเพศลดลงจนดูAVTHต่อไม่ได้
-​ กินอาหารที่มีรสชาติเค็มหรือ อาหารที่มีปริมาณโซเดียมมากเกินไป เช่นน้ำปลา กะปิ ของหมักดอง เป็นต้น
-​ กินอาหารที่มีรสชาติหวานมาก หรืออาหารที่มีน้ำตาลสูงมาก เช่น ขนมหวานน้ำหวาน ผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง เป็นต้น